เมนู

พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ
บุคคลที่กระทำการอกุศลนั้น ครั้นกระทำแล้วเดือนร้อนกินแหนงว่า อนิจจา ๆ บาปกรรมนี้
อาตมาจะกระทำเป็นกรรมอันลามกมิดี เหตุดังนี้ จึงว่ากระทำบาปกรรมไม่มีผลเจริญ เพราะ
ว่ากระทำแล้วและสอดแคล้วกินแหนงในใจ บุคคลที่ได้กระทำการกุศลไว้ มีแต่น้ำใจเลื่อมใส
ปราโมทย์ แล้วคิดไปมีใจปลื้มยินดีบังเกิดปีติโสมนัส แล้วมีกายระงับลงด้วยปีติโสมนัสนั้น
ครั้นกายระงับลงเป็นกายปัสสัทธิจิตตปัสสัทธิแล้ว ก็ได้เสวยสุข เมื่อสุขบังเกิดแล้ว ก็จะเป็น
สมาธิลง อานิสงส์จำเริญขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ ต้องด้วยเยี่ยงอย่างประเพณีมีมาว่า บุรุษผู้หนึ่งมีเท้า
มีมืออันขาด ได้ถวายดอกอุบลชาติกำมือหนึ่ง แก่สมเด็จพระบรมโลกนาถเจ้า ได้เสวยผลบุญที่
ได้ถวายดอกไม้กำมือหนึ่งนี้ไปหลายชาติหลายกัปนับนาน เอกนวุติกปฺเป ประมาณได้ 91
กัปด้วยผลกุศลอันวิเศษ เหตุฉะนี้ อาตมาจึงว่าบุญนี้มีกำลังมาก บาปกรรมนี้มีกำลังน้อย
ของถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาชาวสาคลนคร ทรงฟังก็สโมสรโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ
สธุสะพระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาสมควรยิ่งนักหนาในกาลบัดนี้
บาปปุญญพหุตรปัญหา คำรบ 9 จบเท่านี้

ชานอชานปัญหา ที่ 10


อถโข มิลินฺโข ราชา ภนฺเต นาคเสน ปุคฺคเล น ปาปํ วา อปาปํ วา ทุกฺขเวทนา อปายภูมึ
คจฺฉตีติ

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสน บุคคลผู้หนึ่งรู้ว่าบาปกรรมแล้วกระทำบาปกรรม บุคคลผู้หนึ่งไม่รู้ว่า
บาปกรรม มากระทำบาปกรรมนี้ คนทั้งสองนี้จะได้ทนทุกขเวทนา ข้างไหนจะได้เวทนามาก
กว่ากัน ข้างรู้บาปกรรมนี้จะให้ไปอบายรู้อยู่แล้วและกระทำนี้ จะได้ผลวิบากมากหรือ หรือว่าไม่
รู้บาปกรรมนี้จะให้ไปอบายและมาขวนขวายกระทำบาปกรรมนั้น ได้เสวยวิบากมา โยมยัง
สงสัย นิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะมหาบพิตรผู้เป็นอิสราธิบดี คนที่ไม่รู้